รีวิวประสบการณ์จดทะเบียนบริษัทครั้งแรกจากผู้จดจริง ๆ

โดย: A [IP: 171.99.128.xxx]
เมื่อ: 2025-11-18 15:50:40
รีวิวประสบการณ์จดทะเบียนบริษัทครั้งแรกจากผู้จดจริง ๆ

สวัสดีค่ะ A นะคะ (นามสมมุติ) วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงแบบเรียลๆ กับการก้าวข้ามผ่านหนึ่งในด่านที่ "น่ากลัว" ที่สุดสำหรับคนเริ่มทำธุรกิจ นั่นคือการ จดทะเบียนบริษัท ครั้งแรก ก่อนทำคือได้ยินมาเยอะมากว่ายุ่งยาก เอกสารเยอะ ทำแล้วจะปวดหัว แต่พอทำจริงๆ มันเป็นยังไง? ในฐานะผู้ประกอบการมือใหม่ที่เพิ่งผ่านสมรภูมินี้มาหมาดๆ A ขอมาเล่าให้ฟังค่ะ



ทำไม A ถึงตัดสินใจเปลี่ยนจาก "บุคคลธรรมดา" เป็น "นิติบุคคล"

ตอนแรก A ก็ขายของออนไลน์ รับงานในนามบุคคลธรรมดานี่แหละค่ะ แต่พอยอดขายเริ่มถึงจุดหนึ่ง (ใกล้ๆ จะแตะ 1.8 ล้านต่อปี) และเริ่มต้องดีลกับลูกค้าองค์กรใหญ่ๆ คำถามเรื่อง "ความน่าเชื่อถือ" และ "การหักภาษี ณ ที่จ่าย" ก็เริ่มตามมา การขอใบกำกับภาษีต่างๆ ทำให้ A รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องโตขึ้นไปอีกขั้น และการจดบริษัทคือคำตอบแรก



ความกังวลที่ต้องเจอ: คำถามล้านแปดก่อนเริ่ม

สารภาพเลยว่ากลัวค่ะ A ใช้เวลาลังเลอยู่หลายเดือน เพราะคำถามในหัวมันเต็มไปหมด

• ทุนจดทะเบียนต้องใช้เท่าไหร่? ต้องใช้เงินเป็นล้านไปค้างไว้ในแบงก์จริงไหม?

• ต้องมี "ผู้ถือหุ้น" 3 คนเหรอ? (เดี๋ยวนี้ 2 คนก็จดได้แล้วค่ะ เพิ่งรู้!)

• พอเป็นบริษัทแล้ว ภาษีจะยุ่งยากกว่าเดิมไหม?

• สรุปแล้วเราควร "จ้างเขาทำ" หรือ "ลุยเอง" ดี?



ศึกแรก: การจองชื่อบริษัท (ที่ไม่ง่ายเหมือนตั้งชื่อลูก)

A ตัดสินใจว่าจะลอง "ลุยเอง" ดูก่อน เพื่อประหยัดงบ เลยเริ่มต้นด้วยการเข้าเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เพื่อ "จองชื่อบริษัท" ค่ะ และนี่คือด่านแรกที่ทำให้เกือบท้อเลย

• ชื่อที่คิดว่า "ปัง" ที่สุด มักจะเป็นชื่อที่ "ซ้ำ" ตลอด

• A โดนระบบตีชื่อกลับมา 3 รอบ เพราะเหตุผลว่า ซ้ำ, คล้าย, หรือมีคำที่ห้ามใช้

• เคล็ดลับที่ได้เรียนรู้คือ: ต้องคิดชื่อเผื่อไว้เลยอย่างน้อย 5-10 ชื่อ และพยายามใช้ชื่อที่เฉพาะเจาะจง อย่ากว้างเกินไป (เช่น ใช้คำว่า "ประเทศไทย" หรือ "อินเตอร์")



ศึกที่สอง: เอกสารที่ต้องเตรียม (ทำไมมันเยอะจัง)

พอได้ชื่อที่ผ่านการอนุมัติมาแล้ว (ซึ่งเหลือเวลาให้ยื่นเอกสารแค่ 30 วัน!) ก็ถึงคิวของกองทัพเอกสารค่ะ A พยายามอ่านคู่มือของ DBD แล้วก็ยังงงๆ

• หนังสือบริคณห์สนธิ... มันคืออะไร?

• รายงานการประชุมจัดตั้งบริษัท... (ทั้งๆ ที่ยังไม่มีบริษัทเนี่ยนะ?)

• แบบ บอจ. 1, 2, 3... ที่หน้าตาคล้ายกันไปหมด

• วัตถุประสงค์ของบริษัทที่ต้องติ๊กเป็นสิบๆ ข้อ

• ตราประทับบริษัทต้องรีบไปทำตอนไหน?

นี่คือจุดที่ A เริ่มรู้ตัวแล้วว่า "เวลา" ที่เราเสียไปกับการงมเอกสารเหล่านี้ เราสามารถเอาไปหาลูกค้า หรือพัฒนสินค้าได้เงินมากกว่า



ทางแยกระหว่าง "ทำเองออนไลน์" กับ "จ้างสำนักงานบัญชี"

ณ จุดนี้ A มีสองทางเลือก คือ 1. กัดฟันทำเองต่อไปผ่านระบบ e-Registration (จดทะเบียนบริษัทออนไลน์) ซึ่งเขาว่ากันว่าเร็วขึ้น หรือ 2. ยอมแพ้ แล้วจ้างมืออาชีพ

A เลือกที่จะลองลุยต่อกับระบบออนไลน์ค่ะ ซึ่งต้องยอมรับว่าระบบของ DBD ในปัจจุบันดีขึ้นมาก ไม่ต้องไปรอคิวที่กรม แต่... มันก็ยังต้องใช้ความเข้าใจในข้อกฎหมายและขั้นตอนบัญชีอยู่ดี A ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการกรอกข้อมูลและอัปโหลดเอกสาร ซึ่งก็ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าสิ่งที่กรอกไปนั้นถูกต้องและจะไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง



สิ่งที่ได้เรียนรู้หลังการ จดทะเบียนบริษัท (ที่ไม่มีใครบอก)

สุดท้าย A ก็จดทะเบียนผ่านค่ะ (แบบทุลักทุเลเล็กน้อย) แต่สิ่งที่ A อยากบอกผู้ประกอบการมือใหม่ทุกคนคือ การ จดทะเบียนบริษัท เป็นแค่ก้าวที่ 1 จาก 100 เท่านั้น

• สิ่งที่ตามมาทันทีแบบไม่ให้พักหายใจคือ:

• คุณต้องไปยื่นขอ "จด VAT" (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่กรมสรรพากร ภายใน 30 วัน หากคุณคาดว่ารายได้จะเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี

• คุณต้องทำ "บัญชี" ที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกเดือน (ห้ามมั่วเหมือนตอนทำคนเดียวแล้ว)

• คุณต้องยื่น "ประกันสังคม" ให้ตัวเอง (ในฐานะกรรมการ) และลูกจ้าง (ถ้ามี)

• คุณต้องวางแผน "ภาษีนิติบุคคล" ซึ่งซับซ้อนกว่าบุคคลธรรมดา



ข้อแนะนำถึงผู้ประกอบการมือใหม่

ถ้าคุณเป็นเหมือน A คือมีความถนัดในธุรกิจของตัวเอง แต่ไม่ถนัดงานเอกสารและบัญชีเลย การ "จ้างสำนักงานบัญชี" หรือบริษัทรับจดทะเบียนตั้งแต่แรก อาจเป็นทางเลือกที่ "ประหยัด" กว่าในแง่ของเวลาและความถูกต้อง เวลาที่คุณประหยัดได้จากการงมเอกสาร สามารถสร้างรายได้กลับมาคุ้มค่าจ้าง แต่อย่างน้อย การที่ A ได้ลองทำเองในตอนแรก ก็ทำให้เราเข้าใจโครงสร้างบริษัทของตัวเองมากขึ้นค่ะ




ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 59,029